#ข่าวออกสื่อ กรณี แม่ลูก 4 อาศัยในตึกร้าง ไม่มีน้ำ-ไฟ ขับถ่าย- คลอดลูกในป่า เอาน้ำขังมาต้นกินในพื้นที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565 เวลา 13.00 น. สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วยปลัดอำเภอชะอำ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเพชรบุรี ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดเพชรบุรี สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบุรี สำนักงานสาธารณสุขอำเภอชะอำ สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอชะอำ สถานีตำรวจภูธรชะอำ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 46 องค์การบริหารส่วนตำบลสามพระยา กำนันตำบลสามพระยา และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่เป็นข่าวทางสื่อมวลชน ว่ามีมารดาและบุตร จำนวน 4 คน อาศัยอยู่ภายในตึกร้าง บริเวณริมถนนสายบายพาส-ปราณบุรี ฝั่งขาล่องใต้ หมู่ที่ 4 ตำบลสามพระยา อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นที่พักอาศัย ไม่มีไฟฟ้าและประปาใช้ ต้องอาศัยน้ำจากแหล่งน้ำข้างถนนในการอุปโภคบริโภค จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น พบว่า ครอบครัวดังกล่าวมีนายชัยยันต์ พลเต้า อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 53 หมู่ที่ 8 ตำบลทมนางาม อำเภอโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี เป็นสามี และนางสาวชนนิกานต์ คำพิม อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 15 หมู่ที่ 5 ตำบลทมนางาม อำเภอโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี เป็นภรรยา มีบุตรทั้งหมด 4 คน ได้มาอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เป็นตึกร้างบริเวณหมู่ที่ 4 ตำบลสามพระยา อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โดยสามีมีอาชีพรับจ้างรีดนมวัว มีรายได้วันละ 300 บาท รวมเป็นเงิน 9,000 บาทต่อเดือน ส่วนภรรยาไม่มีอาชีพ ทั้งนี้ได้รับประสานจากอำเภอชะอำ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาร่วมกัน สรุปได้ดังนี้

1.หลายภาคส่วนเข้าเยี่ยมเยียนให้กำลังใจและมอบเครื่องอุปโภคบริโภคพร้อมน้ำดื่ม

2.นายจ้างของนายชัยยันต์ พลเต้า จะให้ทั้งครอบครัวไปพักอาศัยบริเวณบ้านของนายจ้างตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ได้เข้าประเมินความพร้อมเบื้องต้น และจักประเมินสภาพความเป็นอยู่ คุณภาพชีวิต สุขภาพ รวมถึงการศึกษาของบุตร และอื่นๆ เป็นระยะ ครั้งแรกภายหลังจากการย้าย 7-15 วัน

3.สำนักงานสาธารณสุขอำเภอชะอำจะดูแลและติดตามการฉีดวัคซีนและพัฒนาการของเด็ก

4.ทำบันทึกข้อตกลงด้วยวาจา และจักทำเป็นลายลักษณ์อักษรต่อไป กรณีนายจ้างจะต้องยอมรับการให้อาศัยอยูาถาวร ไปปล่อยให้ครอบครัวนี้ต้องใช้ชีวิตเร่ร่อนจนมีผลกระทบต่างๆตามมา สามีและภรรยาต้องยอมรับความช่วยเหลือ ดูแลหากมีหน่วยงานต่างๆเข้าให้ความช่วยเหลือ อาทิ ด้านการศึกษาของบุตร สุขภาพ การดูแลสุขภาวะอนามัย และอื่นๆ

5.ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะติดตาม และตรวจเยี่ยมดูแลเป็นระยะ เพื่อให้ความช่วยเหลือตามภารกิจที่เกี่ยวข้องต่อไป


Share: